ขมิ้นยังมีสรรพคุณ ในการรักษาพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
ในสมัยที่ยังเล็กๆ ตอนยุงกัดเป็นตุ่มแดงๆ
คุณยายมักจะใช้ปูนกินกับหมากแต้ม เพราะต้องการฤทธิ์แก้พิษของขมิ้น
ที่ผสมอยู่ในปูนที่กินกับหมาก และ
ฤทธิ์ของปูนที่ช่วยให้ขมิ้นติดผิวได้ดีขึ้น (ปูนกินกับหมากของคนโบราณ
ได้จากการเผาเปลือกหอยจนร้อนจัด
สามารถบดเป็นฝุ่นละเอียดสีขาว แล้วเอาไปผสมกับขมิ้นจะให้สีส้ม
หรือเรียกเป็นสีเฉพาะว่า สีปูน)
นอกจากนี้ยังนิยมใช้ขมิ้นเป็นเครื่องสำอาง
คนในแถบตอนใต้ของเอเชีย และแถบตะวันออกไกล
ใช้ขมิ้นทาผิวหน้า ทำให้ผิวหน้านุ่มนวล คนมาเลเซียและคนไทยสมัยก่อนจะใช้ขมิ้นในการอาบน้ำ
ทำให้ผิวผ่องยิ่งขึ้น วิธีการอาบน้ำด้วยขมิ้นนั้น จะทาขมิ้นหมักไว้ที่ผิวหนังสักพัก
แล้วจึงขัดออก
ด้วยส้มมะขามเปียก นอกจากจะทำให้ผิวหนังนุ่มนวลแล้ว ขมิ้นยังมีสรรพคุณในการป้องกันการงอกของขน
ผู้หญิงอินเดียจึงใช้ขมิ้นทาผิวหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก
คนพม่าเชื่อว่าถ้าใช้ขมิ้นผสมสมุนไพร
ที่ชื่อทานาคา ทาผิวเด็กสาวตั้งแต่ยังเล็กๆ จะทำให้เนื้อผิวละเอียด
จนมีคำกล่าวในบรรดาชายไทยว่า
สาวจะสวยต้อง "ผิวพม่า นัยน์ตาแขก"
ส่วนในการใช้เป็นยารับประทาน
เชื่อว่าขมิ้นชันมีสรรพคุณในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
มีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ช่วยย่อยอาหาร มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายและช่วยบำรุงตับ
รักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศรีษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ
เป็นต้น
ปัจจุบันมีการศึกษาเพื่อพิสูจน์สรรพคุณของขมิ้น ตามการใช้แบบโบราณ
ก็พบว่ามีสรรพคุณมากมายตามที่เคยใช้กันมา
เช่น ขมิ้นชันมีสรรพคุณทำให้แผลหายเร็วขึ้น มีฤทธิ์ลดการอักเสบ
ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง มีฤทธิ์ขับน้ำดีช่วยในการย่อยและป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี
มีฤทธิ์ขับลม
และ มีการศึกษาการใช้ขมิ้นชันรักษาโรคกระเพาะในประเทศไทย (โรงพยาบาลศิริราช)
พบว่า ได้ผลดีพอควร
มีการค้นพบสรรพคุณใหม่ๆ ของขมิ้นชันอีกมากมาย
เช่น การป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด การชลอความแก่
การเป็นสารต้านมะเร็งและเนื้องอกต่างๆ พบว่า การกินอาหารผสมขมิ้นสามารถทำลายเชื้อไวรัสที่ผ่านมาทางอาหารได้
รวมทั้งสามารถป้องกันมะเร็งจากสารก่อมะเร็งต่างๆ และยังมีสรรพคุณในการต้านไวรัส
โดยเฉพาะเชื้อ HIV
อันเป็นต้นเหตุของโรคเอดส์ ขมิ้นชันจึงเป็นอีกความหวังหนึ่งของผู้ป่วยเอดส์
ขมิ้นชันยังมีคุณสมบัติ ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและลดปฏิกิริยาการแพ้
คนที่เป็นโรคภูมิแพ้และเป็นหวัดบ่อยๆ
สมควรกินอาหารใต้ที่ใส่ขมิ้นทุกวันจะได้แข็งแรง ตอนนี้สงสารหมอโรคภูมิแพ้
เพราะคนเป็นกันมากเหลือเกิน
และ เราต้องขาดดุล เรื่องยารักษาโรคภูมิแพ้ ที่รักษาไม่หายสักที
ปีละมากมายมหาศาล
ดังนั้นอยากให้ทุกคนหันมาลองกินขมิ้นชันกันดีกว่า
หากจะหันกลับมากินขมิ้นชันกันนั้น
ควรเลือกขมิ้นชันที่ได้คุณภาพ คือ ขมิ้นชันต้องมีอายุอย่างน้อย
9-12 เดือน
จึงสามารถขุดเหง้ามาทำยาได้ และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไป จนน้ำมันหอมระเหยหายหมด
และต้องเก็บให้พ้นแสง
เพราะแสงจะมีปฏิกิริยากับเคอร์คิวมิน อันเป็นสารสำคัญในขมิ้นชัน
หากจะกินขมิ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันก็ควรปลูกเอง
ดูเอง ขุดมาใช้เองดีที่สุด ถูกดี และควบคุมคุณภาพได้ คนที่ทำไม่ได้ก็จงเลือกแหล่งซื้อที่ไว้ใจได้